นโยบายความเป็นส่วนตัวเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Notice) สำหรับกรรมการ ผู้บริหารระดับสูงสุด และบุคคลที่อาจเป็นกรรมการ หรือผู้บริหารระดับสูงสุด

นโยบายความเป็นส่วนตัวเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Notice)
สำหรับกรรมการ ผู้บริหารระดับสูงสุด และบุคคลที่อาจเป็นกรรมการ หรือผู้บริหารระดับสูงสุด

บริษัท สหกลอิควิปเมนท์ จำกัด (มหาชน) และบริษัทอื่นในกลุ่ม (รวมเรียกว่า “บริษัท”) เคารพสิทธิความเป็นส่วนตัวของเจ้าของข้อมูลหมายรวมถึง ผู้บริหาร ลูกค้า คู่ค้า พนักงาน ผู้สมัครงาน ผู้ถือหุ้น ผู้ถือหุ้นกู้ และกรรมการ (รวมเรียกว่า “เจ้าของข้อมูล”) เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าเจ้าของข้อมูลได้รับความคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล  จึงได้กำหนดนโยบายคุ้มครองฉบับนี้ขึ้นเพื่อแจ้งรายละเอียดการเก็บรวบรวม การใช้ และการเปิดเผย (รวมเรียกว่า “การประมวลผล”) รวมตลอดถึง การลบ และทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูล ทั้งช่องทางออนไลน์ และช่องทางอื่นๆ ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ดังนี้

1. แนวทางปฏิบัติ

บริษัทจะดำเนินการเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลตามแนวทางที่กำหนดไว้ในนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งนอกจากนโยบายทั่วไปฉบับนี้บริษัทกำหนดนโยบายย่อยเป็นการเฉพาะกิจกรรมตามประเภทของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งถือเป็นส่วนขยายหรือกำหนดรายละเอียดของนโยบายนี้ ได้แก่ นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลสำหรับผู้สมัครงาน พนักงาน บุคคลในครอบครัวของผู้สมัคร พนักงาน หรือบุคคลอื่นซึ่งผู้สมัครงาน พนักงานได้ให้ไว้  นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลสำหรับลูกค้า คู่ค้า หรือผู้มีความสัมพันธ์ทางธุรกิจ  นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลสำหรับผู้มาติดต่อ ผู้ขอเข้าอาคาร  ผู้ขอเข้าสถานที่ปฏิบัติงานหรือพื้นที่เฉพาะของบริษัท นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลสำหรับผู้ถือหุ้น ผู้ถือหุ้นกู้ และเจ้าของข้อมูลของบุคคล ดังกล่าว  นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลสำหรับกรรมการ ผู้บริหารระดับสูงสุด และบุคคลที่อาจเป็นกรรมการ หรือผู้บริหารระดับสูงสุด นโยบายคุ้มครองผู้ใช้งานเว็บไซต์ของบริษัท เป็นต้น

  1. วัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล                                                                                                                                                              ในกรณีที่ท่านเป็นกรรมการ ผู้บริหารระดับสูงสุด และบุคคลที่อาจเป็นกรรมการ หรือผู้บริหารระดับสูงสุดของบริษัท เรามีความจำเป็นต้องเก็บรวบรวม ใช้ และ     เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ตามวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้
ลำดับที่
วัตถุประสงค์
ฐานทางกฎหมาย
1.1
เพื่อดำเนินการที่จำเป็นในการพิจารณาและคัดเลือกกรรมการบริษัท หรือผู้บริหารระดับสูงสุด ซึ่งหมายความรวมถึงขั้นตอนการประเมินคัดเลือก และแต่งตั้ง รวมถึงกระบวนการบริหารงานภายในอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการพิจารณาคัดเลือกและแต่งตั้งให้เป็นกรรมการ หรือผู้บริหารระดับสูงสุด
การปฏิบัติตามสัญญา
(Contractual Basis)
ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย
(Legitimate Interests) การปฏิบัติตามกฎหมาย
(Legal Obligation)
1.2
เพื่อการดำเนินการต่างๆ ระหว่างท่านกับบริษัท รวมถึงการดำเนินการต่างๆ ในกรณีที่ ท่านเป็นผู้แทนหรือกระทำการในนามของบริษัท เช่น
• การจ่ายค่าตอบแทนให้แก่กรรมการบริษัท หรือผู้บริหารระดับสูงสุด รวมถึงการดำเนินการใด ๆ ที่จำเป็นที่เกี่ยวข้องกับการจ่ายค่าตอบแทน
• การจัดทำและเก็บข้อมูลส่วนบุคคลรวมถึงข้อมูลประวัติกรรมการบริษัท หรือผู้บริหารระดับสูงสุด เพื่อเป็นฐานข้อมูลของบริษัท
• การส่งเอกสาร ระเบียบวาระการประชุม
• การเสนอชื่อไปเป็นกรรมการบริษัทในกลุ่มบริษัท
• การเสนอแต่งตั้งกรรมการให้กับหน่วยงานภายนอกที่เกี่ยวข้อง และ/หรือ ให้ดำรงตำแหน่งในหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น สภาอุตสาหกรรม เป็นต้น
• การเปิดเผยข้อมูลผ่านเว็บไซต์บริษัท และ/หรือการส่งให้หน่วยงานภายนอกเพื่อประกอบการสมัครเรียนหลักสูตรต่างๆ การรับรางวัล หรือกิจกรรมอื่นใดซึ่งท่านเข้าร่วมในฐานะกรรมการบริษัท หรือผู้บริหารระดับสูงสุด ของบริษัท
• การเปิดเผยข้อมูล เช่น ประวัติ ชื่อ-นามสกุล ข้อมูลการถือหลักทรัพย์ อายุ การศึกษา ประวัติการทำงาน และการดำรงตำแหน่งกรรมการ เป็นต้น ผ่านสื่อต่างๆ เช่น สื่อสิ่งพิมพ์ สื่อโฆษณา สื่ออิเล็กทรอนิกส์และเว็บไซต์ เป็นต้น ให้กับบุคคลภายนอกได้รับทราบ
• การเก็บ ใช้ และ/หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของกรรมการบริษัท ผู้บริหารระดับสูงสุด ของบริษัท เพื่อการดำเนินกิจการและบริหารจัดการธุรกิจของบริษัท รวมถึงเพื่อเป็นหลักฐานประกอบการทำธุรกรรมของบริษัท • การเปิดเผยข้อมูลและตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลส่วนบุคคล (KYC) ที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรมกับธนาคารทั้งในประเทศและต่างประเทศ
• การเปิดเผยและรายงานข้อมูลของกรรมการ ผู้บริหารระดับสูงให้กับหน่วยงานกำกับที่เกี่ยวข้องได้รับทราบ
• การตรวจสอบข้อมูลการมีส่วนได้เสียของกรรมการ ผู้บริหารระดับสูงสุดและบุคคลที่เกี่ยวข้องของกรรมการและผู้บริหารระดับสูงสุด รายการขัดแย้งทางผลประโยชน์ของบริษัท เพื่อเก็บรวบรวมเป็นข้อมูล และรายงานข้อมูลที่เกี่ยวข้อง เช่น การถือครองหลักทรัพย์ การรายงาน Strategic Shareholder ให้กับหน่วยงานกำกับได้รับทราบการเปิดเผยข้อมูลที่จำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามเกณฑ์การประเมินต่างๆ ที่บริษัท เข้าร่วม
การปฏิบัติตามสัญญา
(Contractual Basis)
ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย
(Legitimate Interests) การปฏิบัติตามกฎหมาย
(Legal Obligation)
1.3
เพื่อการปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยบริษัทมหาชนจำกัด กฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ รวมถึงกระบวนการแต่งตั้ง จดทะเบียนเปลี่ยนแปลง หรือการดำเนินการใดๆ ตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
การปฏิบัติตามกฎหมาย
(Legal Obligation)
1.4
เพื่อการปฏิบัติตามกฎหมาย หรือการปฏิบัติตามหมายศาล หนังสือ หรือคำสั่งของหน่วยงาน องค์กรอิสระ หรือเจ้าพนักงานที่มีหน้าที่และอำนาจตามกฎหมาย เช่น การปฏิบัติตามหมายเรียก หมายอายัด คำสั่งของศาล เจ้าหน้าที่ตำรวจ อัยการ หน่วยงานราชการ รวมถึงการรายงานหรือเปิดเผยข้อมูลต่อผู้ถือหุ้น หน่วยงานราชการ หรือองค์กรอิสระ เช่น สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน กระทรวงพลังงาน กรมสรรพากร กรมที่ดิน สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เป็นต้น ทั้งนี้ เพื่อปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
การปฏิบัติตามกฎหมาย
(Legal Obligation)
1.5
เพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การมอบอำนาจและการรับมอบอำนาจ การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การดำเนินคดีต่างๆ ตลอดจนการดำเนินการเพื่อบังคับคดีตามกฎหมาย
ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย
(Legitimate Interests)
การปฏิบัติตามกฎหมาย
(Legal Obligation)
1.6
เพื่อการเก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ได้แก่ ชื่อ-นามสกุล ตำแหน่ง หน่วยงาน และภาพถ่าย-ภาพเคลื่อนไหว ในกรณีที่ท่านเข้าร่วมการประชุม กิจกรรมหรือดำเนินการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับบริษัท เพื่อการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ผ่านช่องทางต่างๆ เช่น อีเมลภายในของบริษัท เว็บไซต์ของบริษัท Facebook LINE YouTube หรือสื่อออนไลน์อื่นๆ หรือสื่ออื่น ๆ เช่น โทรทัศน์ สิ่งพิมพ์ เป็นต้น
ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย
(Legitimate Interests)
1.7
เพื่อดำเนินการวางแผน การรายงาน และการคาดการณ์ทางธุรกิจ การบริหารความเสี่ยง การกำกับการตรวจสอบ รวมถึงการตรวจสอบภายในของสำนักตรวจสอบภายใน และการบริหารจัดการภายในองค์กร รวมถึงเพื่อใช้ประโยชน์ในการดำเนินงานภายในบริษัท ที่เกี่ยวข้องกับการเบิกจ่ายเงินของหน่วยงานบัญชีการเงินบริษัท
ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย
(Legitimate Interests)
1.8
เพื่อการรักษาความปลอดภัยภายในบริเวณอาคารหรือสถานที่ของบริษัท และการประเมินความเสี่ยงด้านความปลอดภัย รวมถึงการติดต่อขอออกบัตรเพื่อเข้าปฏิบัติงานในสถานที่ของบริษัทการแลกบัตรเข้าออกอาคาร การบันทึกข้อมูลการเข้าออกสถานที่ของบริษัท และการบันทึกภาพภายในอาคารหรือสำนักงานบริษัท หรือสาขาของบริษัท ด้วยกล้องวงจรปิด (CCTV)
ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย
(Legitimate Interests)
1.9
เพื่อการบริหารจัดการด้านสุขอนามัยและความปลอดภัยของท่าน
การป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพบุคคล
(Vital Interests)
ในบางกรณีเราอาจมีการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลในครอบครัว หรือบุคคลอื่น ซึ่งกรรมการ ผู้บริหารระดับสูงสุด และบุคคลที่อาจเป็นกรรมการ หรือผู้บริหารระดับสูงสุด ของ บริษัท ได้ให้ข้อมูลไว้ ทั้งนี้ บริษัท เก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลของบุคคลเหล่านั้น โดยอาศัยฐานทางกฎหมายต่างๆ เพื่อวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้
ลำดับที่
วัตถุประสงค์
ฐานทางกฎหมาย
1.10
เพื่อการติดต่อสื่อสารในกรณีจำเป็น หรือเกิดเหตุฉุกเฉิน
ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย
(Legitimate Interests)
1.11
เพื่อการตรวจสอบข้อมูลการมีส่วนได้เสียของกรรมการ ผู้บริหารระดับสูงสุดและบุคคลที่เกี่ยวข้องของกรรมการหรือผู้บริหารระดับสูงสุด รายการขัดแย้งทางผลประโยชน์ของบริษัท เพื่อเก็บรวบรวมเป็นข้อมูล และรายงานข้อมูลที่เกี่ยวข้อง เช่น การถือครองหลักทรัพย์ การรายงาน strategic shareholder ให้กับหน่วยงานกำกับได้รับทราบ
ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย
(Legitimate Interests)
การปฏิบัติตามกฎหมาย
(Legal Obligation)
บริษัทขอแจ้งให้ท่านทราบว่า การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของกรรมการ ผู้บริหารระดับสูงสุด และบุคคลที่อาจเป็นกรรมการ หรือผู้บริหารระดับสูงสุดของบริษัท เราอาศัยฐานทางกฎหมายประการต่างๆ ตามที่แจ้งไว้นี้ โดยไม่ได้อาศัยความยินยอม แต่อย่างไรก็ตาม อาจมีการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลในบางกรณีที่เราไม่อาจใช้ฐานทางกฎหมายเหล่านี้ได้ เช่น กรณีที่กฎหมายกำหนดให้จะต้องได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความละเอียดอ่อน (Sensitive data) เป็นต้น ในกรณีเช่นนั้นบริษัทจะขอความยินยอมโดยชัดแจ้งจากท่าน (โปรดอ่านเอกสารขอความยินยอมของเราเพิ่มเติมจากเอกสารนี้) และในกรณีที่ท่านเป็นกรรมการ ผู้บริหารระดับสูงสุด
และบุคคลที่อาจเป็นกรรมการ หรือผู้บริหารระดับสูงสุด ของบริษัท ได้ให้ข้อมูลอื่นๆ ของบุคคลในครอบครัวหรือบุคคลอื่นแก่บริษัท นั้น ท่านจะต้องรับผิดชอบในการแจ้งให้บุคคลเหล่านั้นทราบถึงแบบแจ้งเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ และ/หรือดำเนินการขอความยินยอม (หากจำเป็น)
ข้อมูลส่วนบุคคลที่ บริษัท เก็บรวบรวมข้างต้นเป็นข้อมูลที่จำเป็นต่อ บริษัท ในการปฏิบัติตามสัญญาหรือการปฏิบัติตามคำขอของท่านก่อนการทำสัญญา หากท่านไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคลที่จำเป็นดังกล่าว บริษัท อาจไม่สามารถดำเนินการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการพิจารณาคัดเลือกท่านได้
2. ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีการเก็บรวบรวม โดยทั่วไปแล้ว ในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านบริษัท จะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลโดยการขอหรือสอบถามข้อมูลเหล่านั้นจากท่านเองโดยตรง อย่างไรก็ตาม ในบางกรณีบริษัท อาจมีการเก็บรวบรวมข้อมูลของท่านจากแหล่งอื่น เช่น หน่วยงานต้นสังกัดของท่าน เลขานุการหรือผู้ประสานงานแทนของท่าน หน่วยงานราชการหรือหน่วยงานของรัฐ หรือแหล่งข้อมูลอื่นๆ ซึ่งเปิดเผยสาธารณะ เช่น เว็บไซต์ ข้อมูลที่ค้นหาได้ทางอินเตอร์เน็ต เป็นต้น ทั้งนี้ บริษัท ดำเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ดังต่อไปนี้
2.1 ข้อมูลส่วนบุคคลทั่วไป
(1) ข้อมูลที่ใช้ระบุตัวตน (Identity Data) เช่น ชื่อ นามสกุล สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน สำเนาหนังสือเดินทาง วัน เดือน ปีเกิด เพศ อายุ สัญชาติ สถานภาพการสมรส ลายมือชื่อ สำเนาเกี่ยวกับการเปลี่ยนชื่อ- สกุล ภาพถ่าย รูปภาพ รวมถึงสำเนาใบอนุญาตขับขี่หรือสำเนาบัตรอื่นใดที่ออกโดยหน่วยงานราชการ
(2) ข้อมูลติดต่อ (Contact Data) เช่น ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ หมายเลขโทรศัพท์มือถือ และ/หรืออีเมล
(3) ข้อมูลทางการเงิน (Financial Data) เช่น ข้อมูลค่าจ้าง เงินเดือน รายได้ ภาษี กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ บัญชีธนาคาร การกู้ยืมเงิน รายการยกเว้นหรือหักลดหย่อนทางภาษี การถือหลักทรัพย์ของบริษัท ชื่อบริษัทหลักทรัพย์
(4) ข้อมูลส่วนตัวอื่น ๆ เช่น ประวัติการทำงาน การศึกษา ความสามารถ และการพัฒนาทักษะ ประวัติการฝึกอบรม คุณสมบัติด้านวิชาชีพ ความสามารถด้านภาษา คุณสมบัติพิเศษด้านอื่นๆ รวมถึงหลักฐานที่เกี่ยวข้อง เช่น สถานภาพการเกณฑ์ทหาร ข้อมูลบุคคลอ้างอิง สถานภาพการสมรส ประวัติการฝึกงาน
(5) ข้อมูลระบุตัวตนของบุคคลในครอบครัว (บิดา มารดา คู่สมรส และบุตร) ได้แก่ ชื่อ นามสกุล วัน เดือน ปีเกิด เพศ อายุ อาชีพ ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ที่ติดต่อได้
(6) ข้อมูลคุณลักษณะของพนักงาน เช่น นิสัย พฤติกรรม ความสนใจ ความคิดเห็น ทักษะ ความถนัด ความเป็นผู้นำ ความสามารถทำงานร่วมกับผู้อื่น ความฉลาดทางอารมณ์ ความผูกพันต่อองค์กร ซึ่งอาจได้มาจากการสังเกตและวิเคราะห์ของบริษัทหรือของเพื่อนร่วมงานในระหว่างปฏิบัติงานหรือเข้าร่วมกิจกรรมของบริษัท
(7) ข้อมูลเกี่ยวกับประสบการณ์ทำงาน และข้อมูลเกี่ยวกับการจ้างงานในอดีต เช่น ตำแหน่งงาน อายุการทำงาน รายละเอียดของนายจ้าง เงินเดือน และค่าตอบแทน สวัสดิการที่ได้รับ
(8) ข้อมูลที่จำเป็นสำหรับการรายงานหน่วยงานที่กำกับดูแล เช่น กระทรวงแรงงาน สำนักงานประกันสังคม ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ สมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย
(9) ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการประกันสังคม กองทุนเงินทดแทน การคุ้มครองแรงงาน สิทธิประโยชน์ สวัสดิการ และผลประโยชน์ที่พนักงานได้รับหรือมีสิทธิที่จะได้รับตามข้อบังคับและระเบียบบริหารงานบุคคลของบริษัท
(10) ข้อมูลที่เกี่ยวกับการปฏิบัติงาน เช่น การบันทึกการเข้า-ออกงาน และระยะเวลาในการปฏิบัติงาน การทำงานล่วงเวลา การขาดและลางาน
(11) ข้อมูลประวัติการปฏิบัติงาน ตำแหน่งงาน การเข้าประชุม การให้ความเห็น ในการที่เป็นกรรมการบริษัท จะมีการเพิ่มเติมข้อมูล ประวัติกรรมการ ทะเบียนกรรมการ
(12) ข้อมูลการใช้งานและการเข้าถึงระบบสารสนเทศ คอมพิวเตอร์ ระบบงาน เว็บไซต์ แอปพลิเคชัน ระบบโครงข่าย อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ระบบอีเมล เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายเทคโนโลยีสารสนเทศของบริษัท และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
(13) ข้อมูลที่รวบรวมจากการมีส่วนร่วมกับบริษัท เช่น การอบรม การเข้าร่วมกิจกรรมสันทนาการ การตอบแบบสำรวจ การตอบแบบประเมิน และ เอกสารต่างๆของบริษัท (14) รายละเอียดของผู้ที่บริษัทสามารถติดต่อได้ในกรณีฉุกเฉิน เช่น ชื่อ นามสกุล ความสัมพันธ์ หมายเลขโทรศัพท์
(15) ข้อมูลเกี่ยวกับยานพาหนะ ใบอนุญาตขับขี่ ความสามารถในการขับขี่ยานพาหนะ และกรณีที่พนักงานขับขี่ยานพาหนะหรือเครื่องจักรที่บริษัทจัดหาให้ บริษัทจะเก็บข้อมูลเกี่ยวกับพฤติกรรมการขับขี่ยานพาหนะของพนักงานด้วย
(16) ข้อมูลอื่นที่จำเป็นต่อการตรวจสอบผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทางผลประโยชน์ เช่น ข้อมูลการถือหุ้น และความสัมพันธ์กับคู่ค้าทางธุรกิจ
(17) ข้อมูลเกี่ยวกับอุบัติเหตุ เช่น พนักงานประสบอุบัติเหตุในเวลางานหรืออันเนื่องมาจากการปฏิบัติงาน และ/หรืออุบัติเหตุอื่น ๆ
(18) ข้อมูลอื่น ๆ ที่จำเป็นต่อการปฏิบัติตามสัญญาจ้างแรงงาน เช่น การดูแลสิทธิประโยชน์สวัสดิการ การวิเคราะห์และการบริหารงานของบริษัท การดูแลพนักงานหลังพ้นสภาพการเป็นพนักงาน และการปฏิบัติตามกฎหมายต่าง ๆ
(17) ข้อมูลที่เกี่ยวกับการร้องเรียน การร้องทุกข์ Whistleblowing การสอบสวน การลงโทษทางวินัย ทั้งนี้หากท่านไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคลที่จำเป็นดังกล่าว บริษัทอาจไม่สามารถทำสัญญาจ้างงานกับท่าน หรือไม่สามารถบริหารจัดการสัญญาตามวัตถุประสงค์ของการจ้างงานได้ หรืออาจมีผลต่อการได้รับสิทธิสวัสดิการ หรือการจัดการอำนวยความสะดวกให้กับท่าน
2.2 ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความละเอียดอ่อน
โดยทั่วไปแล้ว บริษัท ไม่มีความประสงค์จะเก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลศาสนาและหมู่โลหิตที่ปรากฏอยู่ในสำเนาบัตร ประจำตัวประชาชนของท่านเพื่อวัตถุประสงค์ใดโดยเฉพาะ หากท่านได้มอบสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนให้แก่บริษัท ขอให้ท่านปกปิดข้อมูลดังกล่าว หากท่านมิได้ปกปิดข้อมูลข้างต้น ถือว่าท่านอนุญาตให้บริษัทดำเนินการปกปิดข้อมูลเหล่านั้น และถือว่าเอกสารที่มีการปกปิดข้อมูลดังกล่าว มีผลสมบูรณ์และบังคับใช้ได้ตามกฎหมายทุกประการ ทั้งนี้ หากบริษัท ไม่สามารถปกปิดข้อมูลได้เนื่องจากข้อจำกัดทางเทคนิคบางประการ บริษัทจะเก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลดังกล่าวเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของเอกสารยืนยันตัวตนของท่านเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม บริษัท มีความจำเป็นต้องเก็บรวบรวมและใช้ ข้อมูลประวัติอาชญากรรมของผู้สมัครงานในบางตำแหน่งงาน เพื่อดำเนินการตรวจสอบคุณสมบัติก่อนการจ้างงานตามที่กฎหมายกำหนด ซึ่งบริษัทสามารถประมวลผลข้อมูลดังกล่าวได้โดยอาศัยฐานทางกฎหมายที่แจ้งไว้ในข้อ 1. โดยไม่ได้อาศัยความยินยอมของท่าน ทั้งนี้ บริษัทจะจัดให้มีมาตรการที่เหมาะสมเพื่อคุ้มครองสิทธิขั้นพื้นฐานและประโยชน์ของท่าน และจะกระทำการต่าง ๆ ภายใต้ขอบเขตที่กฎหมายอนุญาตให้กระทำได้โดยเคร่งครัด
นอกจากนี้หาก บริษัทมีความจำเป็นที่จะต้องเก็บข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความละเอียดอ่อนอื่น ๆ เพื่อวัตถุประสงค์ใดโดยเฉพาะ บริษัทจะดำเนินการขอความยินยอมโดยชัดแจ้งจากท่านก่อน ทั้งนี้ บริษัทอาจมีการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความละเอียดอ่อน ดังนี้
(1) ข้อมูลสุขภาพ เช่น น้ำหนัก ส่วนสูง โรคประจำตัว ผลการตรวจร่างกาย ใบรับรองแพทย์ ประวัติการรักษาพยาบาล ใบเสร็จค่ารักษาพยาบาล เพื่อการคุ้มครองและการจัดให้มีสวัสดิการเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลสำหรับพนักงานและบุคคลในครอบครัว การประเมินความสามารถในการทำงานของพนักงานรวมถึงการปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องเพื่อศึกษาวิเคราะห์ข้อมูลสุขภาพของพนักงานและเพื่อการบริหารจัดการที่เหมาะสมอื่นๆ
(2) ข้อมูลเกี่ยวกับความพิการ เพื่อใช้ในการนำส่งเงินสมทบตาม พ.ร.บ.พัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ
(3) ข้อมูลชีวภาพ เช่น ข้อมูลจำลองลายนิ้วมือ ข้อมูลภาพจำลองใบหน้า เพื่อใช้ในการระบุและยืนยันตัวตนของพนักงาน การป้องกันอาชญากรรม และการรักษาผลประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัท หรือของบุคคลอื่น
(4) ข้อมูลเกี่ยวกับประวัติอาชญากรรม ซึ่งจะเก็บจากการหลักฐานที่พนักงานนำมาแสดงหรือพนักงานยินยอมให้ตรวจสอบจากหน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย โดยเราจะจัดให้มีมาตรการคุ้มครองข้อมูลดังกล่าวตามที่กฎหมายกำหนด
3. ระยะเวลาที่จัดเก็บ การเก็บรวบรวม การใช้ การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัท ทำการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลของท่าน โดยมีรายละเอียดตามที่ระบุ
3.1 ข้อมูลผู้สมัครงาน ที่ไม่ผ่านการพิจารณารับเข้าทำงานจะถูกเก็บไว้เป็นระยะเวลา 6 เดือนนับจากวันที่ทราบผล เพื่อ บริษัทจะสามารถติดต่อท่านในกรณีที่มีตำแหน่งงานใดๆในอนาคตที่อาจเหมาะสมกับท่าน
3.2 ข้อมูลพนักงาน จะถูกจัดเก็บไว้ตลอดระยะเวลาตามสัญญาจ้างและหลังจากสิ้นสุดสัญญาจ้างไม่เกิน 10 ปี หรือเก็บนานกว่านั้นตามที่กฎหมายบัญญัติ เพื่อวัตถุประสงค์ในการพิสูจน์ตรวจสอบกรณีอาจเกิดข้อพิพาทภายในอายุความที่กฎหมายกำหนด
3.3 บริษัทจัดให้มีระบบการตรวจสอบ เพื่อดำเนินการลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลเมื่อพ้นกำหนดระยะเวลาการเก็บ รักษาหรือที่ไม่เกี่ยวข้องหรือเกินความจำเป็นตามวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลนั้น
4. การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทอาจส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังบริษัทในเครือหรือบุคคลอื่น ในกรณีที่จำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามสัญญาซึ่งท่าน เป็นคู่สัญญา หรือเป็นการกระทำตามสัญญาระหว่างบริษัทกับบุคคลหรือนิติบุคคลอื่น เพื่อประโยชน์ของเจ้าของข้อมูลหรือเพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของเจ้าของข้อมูลก่อนเข้าทำสัญญา หรือเพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของเจ้าของข้อมูลหรือบุคคลอื่น เพื่อปฏิบัติตามกฎหมาย หรือเป็นการจำเป็นเพื่อดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะที่สำคัญ เพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์และฐานในการประมวลผลที่ได้แจ้งไว้ในบริษัท อาจเปิดเผยข้อมูลของท่านเท่าที่จำเป็นให้แก่บุคคลภายนอก ดังต่อไปนี้
4.1. พนักงานบริษัท สาขาและหรือบริษัทในเครือ
4.2. ที่ปรึกษากฎหมาย ทนายความ ผู้ตรวจสอบบัญชี ผู้ตรวจสอบการบริหารงานของบริษัท ภายในและภายนอก
4.3. เจ้าหน้าที่กรมสรรพกร เจ้าหน้าที่สำนักงานประกันสังคม เจ้าหน้าที่กองทุนเงินทดแทน เจ้าหน้าที่กรมพัฒนาฝีมือ
แรงงาน เจ้าหน้าที่กรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ กรมการกงสุลกระทรวงต่างประเทศ และหรือหน่วยงานรัฐที่มีอำนาจในการขอข้อมูลส่วนบุคคลตามที่กฎหมายกำหนด
4.4. เจ้าหน้าที่หรือหน่วยงานของรัฐที่มีอำนาจในการขอข้อมูลส่วนบุคคล เช่น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานอัยการ ศาล พนักงานสอบสวน อัยการ เป็นต้น และอาจเป็นการเปิดเผยให้หน่วยงานของรัฐและเจ้าหน้าที่ของรัฐเพื่อประโยชน์ในการดำเนินคดีของบริษัทเองด้วย
4.5. บริษัทที่ได้ว่าจ้างให้ดำเนินการในฐานะผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล เช่น ให้เป็นผู้เก็บข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงาน และของผู้บริหาร ลงบนคอมพิวเตอร์เซิร์ฟเวอร์หรือคลาวด์ที่ให้บริการโดยบุคคลอื่น และอาจใช้โปรแกรมหรือแอปพลิเคชันของบุคคลอื่นในรูปแบบของการให้บริการซอฟท์แวร์สำเร็จรูปและรูปแบบของการให้บริการแพลตฟอร์มสำเร็จรูปในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล แต่บริษัทจะไม่อนุญาตให้บุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องสามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลได้ และจะกำหนดให้บุคคลอื่นเหล่านั้นต้องมีมาตรการคุ้มครองความมั่นคงปลอดภัยที่เหมาะสม
5. การส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปต่างประเทศ
ในกรณีที่มีการส่งข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานและของผู้บริหารไปยังต่างประเทศ บริษัทจะปฏิบัติตามกฎหมาย คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและใช้มาตรการที่เหมาะสมเพื่อทำให้มั่นใจได้ว่าข้อมูลส่วนบุคคลจะได้รับการคุ้มครองและบริษัทสามารถใช้สิทธิที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลได้ตามกฎหมาย รวมถึงบริษัทจะกำหนดให้ผู้ที่ได้รับข้อมูลมีมาตรการปกป้องข้อมูลอย่างเหมาะสมและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวเท่าที่จำเป็นเท่านั้น และดำเนินการเพื่อป้องกันไม่ให้บุคคลอื่นใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยปราศจากอำนาจโดยมิชอบ
6. การใช้คุกกี้
บริษัทมีการใช้คุกกี้เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล ตามที่ได้กำหนดไว้ตาม นโยบายคุ้มครองผู้ใช้งานงานเว็บไซต์ของบริษัท
7. สิทธิของท่านในฐานะเจ้าของข้อมูล
ในฐานะที่ท่านเป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิตามที่กำหนดไว้โดยพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ทั้งนี้ ท่านสามารถขอใช้สิทธิต่าง ๆ ของท่านได้ตามช่องทางที่บริษัท กำหนดในข้อ 8 โดยจะสามารถเริ่มใช้สิทธิได้ เมื่อกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลมีผลใช้บังคับกับบริษัท ซึ่งสิทธิต่างๆ ของท่านมีรายละเอียด ดังนี้
7.1 สิทธิในการเพิกถอนความยินยอม (Right to Withdraw Consent) ในกรณีที่บริษัท ขอความยินยอมจากท่าน ท่านมีสิทธิในการเพิกถอนความยินยอมในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ความยินยอมได้ เว้นแต่การเพิกถอนความยินยอมจะมีข้อจำกัดโดยกฎหมายหรือสัญญาที่ให้ประโยชน์แก่ท่าน ทั้งนี้ การเพิกถอนความยินยอมจะไม่ส่งผลกระทบต่อการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ความยินยอมไปแล้วโดยชอบด้วยกฎหมาย
7.2 สิทธิในการขอเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล (Right to Access) ท่านมีสิทธิขอเข้าถึงและขอรับสำเนาข้อมูลของท่านซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของบริษัท รวมถึงขอให้บริษัท เปิดเผยการได้มาซึ่งข้อมูลดังกล่าวที่ท่านไม่ได้ให้ความยินยอมได้
7.3 สิทธิในการขอให้ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคล (Data Portability Right) ท่านมีสิทธิขอให้บริษัท โอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ท่านให้ไว้กับบริษัท ได้ตามที่กฎหมายกำหนด
7.4 สิทธิในการคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล (Right to Object) ท่านมีสิทธิในการคัดค้านการประมวลผลข้อมูลที่เกี่ยวกับท่านสำหรับกรณีการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลได้ตามที่กฎหมายกำหนด 7.5 สิทธิในการขอลบข้อมูลส่วนบุคคล (Erasure Right) ท่านมีสิทธิขอให้บริษัทลบข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามที่กฎหมายกำหนด อย่างไรก็ตามบริษัท อาจเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งอาจมีบางระบบที่ไม่สามารถลบข้อมูลได้ ในกรณีเช่นนั้น บริษัท จะจัดให้มีการทำลายหรือทำให้ข้อมูลดังกล่าวกลายเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนของท่านได้
7.6 สิทธิในการขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล (Right to Restrict Processing) ท่านมีสิทธิขอให้บริษัท ระงับการใช้ข้อมูลของท่านได้ตามที่กฎหมายกำหนด
7.7 สิทธิในการขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง (Rectification Right) กรณีที่ท่านเห็นว่าข้อมูลที่บริษัท มีอยู่นั้นไม่ถูกต้องหรือท่านมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเอง ท่านมีสิทธิขอให้บริษัท แก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อให้ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด
7.8 สิทธิในการร้องเรียน (Right to Lodge a Complaint) ท่านมีสิทธิในการร้องเรียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 หากบริษัท ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติดังกล่าวได้ ในกรณีที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลยื่นคำร้องขอใช้สิทธิภายใต้บทบัญญัติของพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 เมื่อบริษัท ได้รับคำร้องขอดังกล่าวแล้ว จะดำเนินการภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด อนึ่ง บริษัท สงวนสิทธิที่จะปฏิเสธหรือไม่ดำเนินการตามคำร้องขอดังกล่าวได้ในกรณีที่กฎหมายกำหนด
8. การแก้ไขเปลี่ยนแปลงแบบแจ้งฉบับนี้ บริษัท อาจแก้ไขปรับปรุงแบบแจ้งนโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับนี้เป็นครั้งคราว และเมื่อมีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงเช่นว่านั้น บริษัท จะแจ้งให้ท่านทราบผ่านทาง เว็บไซต์ของบริษัท และ/หรือหนังสือเชิญประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี และ/หรือช่องทางแจ้งข่าวของตลาดหลักทรัพย์
9. ช่องทางการติดต่อกับผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล
การติดต่อกับบริษัทในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลตามนโยบายนี้
ผู้ติดต่อ เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล บริษัท สหกลอิควิปเมนท์ จำกัด (มหาชน )
เลขที่ 47/10 ถนนวิภาวดีรังสิต แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900 โทรศัพท์ : 02-9410888
แฟกซ์ : 02-9410881 เว็บไซต์ : www.sahakol.com อีเมล : pdpa.sq@sahakol.com
หากพบการรั่วไหลของข้อมูล บริษัทจะดำเนินการแจ้งให้ท่านทราบภายใน 72 ชั่วโมง
จึงประกาศมาเพื่อทราบและถือปฏิบัติโดยทั่วกัน ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 25 พฤษภาคม 2565 เป็นต้นไป